เต็มใจโดยมีคุณสมบัติตามข้อบังคับ และมติกรรมการสมาคมรับรอง
|
|
๕.๒ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคม
|
ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
|
ข้อ ๖. สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
|
|
๖.๑ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
|
|
๖.๒ เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตามวัฒนธรรม ธรรมเนียมที่ดี ตลอดจน
|
การขับขี่รถที่ถูกต้องตามกฎหมาย
|
|
๖.๓ ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
|
|
๖.๔ ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลายหรือไร้ความสามารถหรือเสมือน
|
ไร้ความสามารถหรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษการต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด
|
ในกรณีดังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น
|
ข้อ ๗. ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม
|
|
๗.๑ สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก……..……๑๐๐……..………บาท
|
|
|
|
ค่าบำรุงสมาคมเป็นรายเดือน และค่าบำรุงเป็นรายปีไม่มี
|
|
๗.๒ สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
|
ข้อ ๘. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ให้ผู้ประสงค์จะสมัครโดยมีสมาชิกสามัญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
|
ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ รับรองอย่างน้อย ๑ คน และให้เลขานุการ ติดประกาศรายชื่อ
|
ผู้สมัครไว้ ณ สำนักงานของสมาคม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน เพื่อให้สมาชิกอื่น ๆของสมาคมจะได้คัดค้าน
|
การสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ก็ให้เลขานุการนำใบสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอ
|
ต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่า จะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคณะกรรมการ
|
พิจารณาการสมัครแล้วผลเป็นประการใดให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว หรือนายกฯและกรรมการ
2 ท่านเห็นสมควรรับสมาชิกเป็น
|
กรรมการ 2 ท่าน เห็นว่าสมควรรับสมาชิกเป็นการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมของสมาคมให้เป็นสมาชิกโดยทันที
|
ที่ยื่นใบสมัครและชำระเงินด้วยแล้ว
|
ข้อ ๙. ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าลงทะเบียน
|
และค่าบำรุงสมาคมให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขานุการ และสมาชิกภาพของผู้สมัคร
|
ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัคร
|
ไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก
|
ข้อ ๑๐. สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้
|
พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ได้มาถึงยังสมาคม
|
ข้อ ๑๑. สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
|
|
๑๑.๑ ตาย
|
|
|
๑๑.๒ ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้
|
|
พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย
|
|
๑๑.๓ ขาดคุณสมบัติสมาชิก
|
|
๑๑.๔ ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกหรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจาก
|
|
ทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม
|
ข้อ ๑๒. สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
|
|
๑๒.๑ มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน
|
|
๑๒.๒ มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ
|
|
๑๒.๓ มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
|
|
๑๒.๔ มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
|
|
๑๒.๕ สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม
|
และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ ๑ คะแนนเสียง
|
|
๑๒.๖ มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
|
|
๑๒.๗ มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย ๑ ใน ๕ ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวน
|
ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
|
|
๑๒.๘ มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
|
|
๑๒.๙ มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
|
|
๑๒.๑๐ มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม
|
|
๑๒.๑๑ มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
|
|
๑๒.๑๒ มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
|
|
|
|
|
หมวดที่ ๓
|
การดำเนินกิจการสมาคม
|
ข้อ ๑๓. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม มีจำนวนอย่างน้อย…๑๐…..…คน
|
อย่างมากไม่เกิน…๒๕ .คน คณะกรรมการนี้ ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ของ
|
สมาคม และให้ผู้ที่ได้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ เลือกตั้งกันเองเป็นนายกสมาคม ๑ คนและอุปนายกไม่ต่ำกว่า
|
๒…คน สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ให้ นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที
|
ประชุมใหญ่เข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ของสมาคม ตามที่ได้กำหนดไว้ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคม
|
มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
|
๑๓.๑ นายกสมาคม
|
ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม คณะกรรมการของ
|
|
|
|
สมาคมเป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่
|
|
|
|
เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม
|
๑๓.๒ อุปนายก
|
ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตาม
|
|
|
|
หน้าที่ที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคม
|
|
|
|
เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่
|
|
|
|
แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
|
๑๓.๓ เลขานุการ
|
ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้า เจ้าหน้าที่ของ
|
|
|
|
สมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายก
|
|
|
|
ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม
|
๑๓.๔ เหรัญญิก
|
มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชี รายรับ รายจ่าย
|
|
|
|
บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อ
|
|
|
|
ตรวจสอบ
|
๑๓.๕ ปฏิคม
|
มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียม
|
|
|
|
สถานที่ของสมาคม และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม
|
๑๓.๖ นายทะเบียน
|
มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับ
|
|
|
|
เหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
|
๑๓.๗ ประชาสัมพันธ์
|
มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิก และ
|
|
|
|
บุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
|
๑๓.๘ กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ
|
ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น
|
|
|
|
โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกิน
|
|
|
|
จำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่ง
|
|
|
|
ก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
|
คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วยนายกสมาคมและกรรมการอื่น ๆ
|
ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของสมาคม
|
ข้อ ๑๔. คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๒ ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ใน
|
ตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
|
ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาต
|
ให้จดทะเบียนจากทางราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
|
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและ คณะกรรมการชุดใหม่
|
ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
|
ข้อ ๑๕. ตำแหน่งกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิก
|
สามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่
|
ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
|
ข้อ ๑๖. กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ
|
|
๑๖.๑ ตาย
|
|
๑๖.๒ ลาออก
|
|
๑๖.๓ ขาดจากสมาชิกภาพ
|
|
๑๖.๔ ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง
|
ข้อ ๑๗. กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อ
|
คณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก
|
ข้อ ๑๘. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
|
|
๑๘.๑ มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้อง
|
ไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้
|
|
๑๘.๒ มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
|
|
๑๘.๓ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษา หรือ
|
อนุกรรมการ จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
|
|
๑๘.๔ มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
|
|
๑๘.๕ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
|
|
๑๘.๖ มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ
|
ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
|
|
๑๘.๗ มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
|
|
๑๘.๘ มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ๑ ใน ๕ ของสมาชิก
|
ทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น
|
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
|
|
๑๘.๙ มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรม
|
ต่างๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้ เมื่อสมาชิกร้องขอ
|
|
๑๘.๑๐ จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆของสมาคมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ
|
|
๑๘.๑๑ มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
|
ข้อ ๑๙. คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง ตามที่นายกสมาคมเห็นสมควร
|
ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม
|
ข้อ ๒๐. การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
|
จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนน
|
เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
|
ข้อ ๒๑. ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถ
|
ปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่
|
เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น
|
หมวดที่ ๔
|
การประชุมใหญ่
|
ข้อ ๒๒. การประชุมใหญ่ของสมาคมมี ๒ ชนิด คือ
|
|
๒๒.๑ ประชุมใหญ่สามัญ
|
|
๒๒.๒ ประชุมใหญ่วิสามัญ
|
ข้อ ๒๓. คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ๑ ครั้ง ตามที่นายกสมาคมจะสมควร
|
กำหนดวัน
|
|
ข้อ ๒๔. การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้น
|
ด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวน
|
ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น
|
ข้อ ๒๕. การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบ
|
และการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้อง
|
สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๗ วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่
|
ข้อ ๒๖. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
|
|
๒๖.๑ แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
|
|
๒๖.๒ แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
|
|
๒๖.๓ เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เมื่อครบกำหนดวาระ
|
|
๒๖.๔ เลือกตั้งผู้สอบบัญชี
|
|
๒๖.๕ เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี
|
ข้อ ๒๗. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วม ประชุม
|
ไม่น้อยกว่า 50 คนของสมาชิกสามัญที่มีอยู่ทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมี
|
สมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของสมาคม เรียกประชุมใหญ่อีกครั้ง โดยจัดให้
|
มีการประชุมขึ้นภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรกสำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญ
|
เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจาก
|
การร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก
|
ข้อ ๒๘. การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก
|
เป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
|
ข้อ ๒๙. ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถ
|
จะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่เป็น
|
ประธานในการประชุมคราวนั้น
|
|
หมวดที่ ๕
|
การเงินและทรัพย์สิน
|
ข้อ ๓๐. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำ
|
ฝากไว้ในธนาคาร……ทหารไทย สำนักงานใหญ่ กทม.
|
ข้อ ๓๑. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทนลงนาม
|
ร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขานุการ พร้อมกับประทับตราของสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้
|
ข้อ ๓๒. ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน..…๒๐,๐๐๐……………บาท
|
|
( สองหมื่นบาทถ้วน ) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและคณะกรรมการ
|
จะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน. ๕๐,๐๐๐ บาท
|
|
( ห้าหมื่นบาทถ้วน ) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม
|
ข้อ ๓๓.ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ .บาท
|
|
(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้
|
ข้อ ๓๔.เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือ
|
จ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทน ร่วมกับ
|
เหรัญญิกหรือผู้ทำการแทนและเลขานุการหรือผู้แทน พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง
|
ข้อ ๓๕.ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต
|
ข้อ ๓๖. ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถ
|
จะเชิญกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้
|
ข้อ ๓๗. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ
|
|
หมวดที่ ๖
|
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม
|
ข้อ ๓๘. ข้อบังคับสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมี
|
สมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คนของสมาชิกสามัญที่มีอยู่ทั้งหมดมติของที่ประชุมใหญ่ในการให้
|
เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
|
ข้อ ๓๙. การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของ
|
กฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔ ของสมาชิก
|
สามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด
|
ข้อ ๔๐. เมื่อสมาคมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชี
|
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของ…มูลนิธิชัยพัฒนา……………………………………………
|
(ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์)
|
|
หมวดที่ ๗
|
บทเฉพาะกาล
|
|
ข้อ ๔๑. ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญานิติตให้จดทะเบียนเป็นบุคคล
|
เป็นต้นไป
|
ข้อ ๔๒. เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็น
|
สมาชิกสามัญ และสมาชิกของคณะกรรมที่ตั้งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่จดทะเบียน
|
|
|
|
|
|
|
(ลงชื่อ) พ.ต.ท.………………….……………………...........................................
|
|
|
|
( กฤตนัย สาระผล )
|
|
|
|
|
ผู้จัดทำข้อบังคับโดยได้ประชุมร่วมกับคณะเริ่มการจัดตั้งเพื่อจดทะเยียนสมาคม
|
|
|
( ลงชื่อ ) ..................................................................................
|
|
|
|
( นางเสาวนีย์ ผ่องสุวรรณ์ )
|
|
|
ผู้ร่วมจัดทำข้อบังคับโดยได้ประชุมร่วมกับคณะเริ่มการจัดตั้งเพื่อจดทะเบียนสมาคม
|
|
|
|
|
|
|
|
|